
นาฬิกาสุขภาพวัดความเครียดได้ยังไง?

ความเครียดคือ ภาวะทางอารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อสถานการณ์ โดยผู้ที่มีความเครียดมักรับรู้ได้ในลักษณะของความลำบากใจ ความไม่สบายใจ ต่อเหตุการณ์ ถือเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
และถึงแม้ว่าในยุคนี้ผู้คนจะเริ่มตระหนักถึงเรื่องสุขภาพจิตกันมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าความเครียดนั้น เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องหาทางแก้ไข ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งหมด เพราะความเครียดในระดับที่พอดีนั้น จะช่วยให้บุคคลมีความตื่นตัว มีความกระตือรือร้น อาจเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ แต่ในทางกลับกัน หากความเครียดมากเกินไป จะส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตและตัดสินใจของบุคคล และอาจเป็นอาการแสดงเริ่มแรกของความเจ็บป่วยทางจิตเวชได้
ฉะนั้นการรู้จักระดับความเครียดของตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากช่วยให้เราสามารถจัดการกับชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว บางครั้งยังสามารถทำให้เราสร้างสมดุลในชีวิตได้
ซึ่งในยุคนี้สมัยนี้ การวัดระดับความเครียดด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะ Smart watch หลายรุ่น ก็มีฟังก์ชันวัดความเครียดมาให้ จนเกือบจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่มีแทบทุกเครื่อง และเพียงแค่สวมมันไว้เฉย ๆ ก็จะสามารถคำนวณค่าความเครียดออกมาได้แล้ว
แล้วมีใครเคยสงสัยไหม? ว่าแล้ว Smart watch พวกนี้ วัดความเครียดเราจากอะไร เพราะตัวเราเอง เรายังวัดมันได้จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราเจอมาในแต่ละวัน หรือคนรอบตัวเราก็สามารถรับรู้ได้จากสิ่งที่เราบอกเล่า หรือการสังเกตกิริยาท่าทางที่เราแสดงออก
Smart watch ไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ก็จริง แต่ใช้เทคโนโลยีในการวัดได้
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate)
อัตราการเต้นของหัวใจสามารถช่วยระบุ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ ถ้าค่าอัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยสูงกว่าปกติ จะทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล
วัดความแปรปรวนของการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Variability, HRV)
HRV คือความแตกต่างระหว่างการเต้นของหัวใจแต่ละครั้ง คนที่มีค่าความแปรปรวนการเต้นของหัวใจ HRV ต่ำ แสดงว่ามีความทนทานต่อความเครียดต่ำ จัดการกับความเครียดได้ไม่ดี ถ้ามีค่า HRV สูงแสดงว่าร่างกายมีความสามารถในการทนทานต่อความเครียดและจัดการต่อความเครียดได้ดี
วัดความดันโลหิต (Blood Pressure)
เพราะเมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) ออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายและสมองในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่านพ้นวิกฤติที่ทำให้เกิดความเครียด
แต่ถ้าฮอร์โมนเหล่านี้หลั่งออกมาบ่อย ๆ จะส่งผลให้ร่างกายทำงานหนักจนความดันโลหิตสูงขึ้น
การตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
เมื่อคุณมีภาวะเครียดสะสม จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตที่จะสูบฉีดเลือดได้ไม่มีประสิทธิภาพ เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างพอเพียง
เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Smart watch สามารถประเมินระดับความเครียดของเราได้ และแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดจากความเครียดที่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือหรือจัดการได้ดีขึ้น
และตัวเราเองต้องรู้จักวิธีบรรเทา หรือรับมือกับความเครียดนั้นด้วย อาจจะเป็นอะไรง่าย ๆ ที่ทำได้บ่อย เช่น หากิจกรรมที่ชอบ ออกกำลังกาย ลองปรับเปลี่ยนความคิด หรือฝึกลมหายใจ ลองกำหนดลมหายใจเข้าออกง่าย ๆ เอาใจไปโฟกัสการกำหนดลมก็ทำให้เราลืมเรื่องเครียด ๆ ไปได้ประมานหนึ่งเลยล่ะ
อ้างอิง: โรงพยาบาลพญาไท, Avarin running and triathlon, โรงพยาบาลสุขุมวิท, Enso Ones.,LTD, Pobpad